เลขเด็ดหวย บ้านผี เสริมดวงชะตา แก้ดวงตก
วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558
ตามรอย 5 ตำนาน มนตร์เสน่ห์เมืองปราสาทหินบุรีรัมย์ เดินทางตามรอยตำนานทั้ง 5 อย่างที่แอบแฝงด้วยวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบุรีรัมย์ ที่สืบทอดต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนาน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เต็มไปด้วยความสวยงาม รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและสถานที่โบราณทีมีชื่อเสียงอย่างปราสาทหินมากมาย วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปตามรอยตำนานทั้ง 5 อย่างที่แอบแฝงด้วยวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบุรีรัมย์ ที่สืบทอดต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนาน รวมทั้งสถานที่แห่งใหม่ที่ยังคงรวบรวมของโบราณอันล้ำค่าเอาไว้จำนวนมาก ว่าแล้วเราไปตะลุยตามรอยบันทึกการเดินทางผ่านภาพความประทับใจของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้เดินทางไปเยือนจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเก็บมาฝากกันจ้า
สวัสดีเพื่อน ๆ ท่องเที่ยวทุกท่าน
อันตำนานนั้นมีเรื่องเล่ากล่าวขาน สถานที่แต่ละที่ล้วนมีเรื่องราวและเสน่ห์ในตัวของตัวเองจากตอนที่แล้วผมได้พาเพื่อน ๆ ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวในตัวเมืองบุรีรัมย์และได้เห็นถึงการพัฒนาเมืองของที่นี่ไปแล้ว ตามรีวิวที่ได้ลงไปคราวที่แล้วกัน http://pantip.com/topic/32292774 รีวิวนี้ผมจะนำ 5 ตำนานที่ผมได้ไปสัมผัส ได้เจอในบุรีรัมย์มากล่าวขานถึงความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ละเมือง แต่ละสถานที่ที่เราได้ไปเที่ยวมานั้น การเที่ยวผิวเผินโดยที่ไม่ได้ศึกษาถึงประวัติความเป็นมา อาจทำให้เราไม่ทราบถึงแก่นแท้ของสถานที่นั้น ๆ
ลบภาพที่เป็นอยู่หลับตาและมาย้อนเวลาไปกับผมไปชมตำนานความเป็นมาที่ผมหยิบยื่นให้ดูในคราวนี้ กับเมืองปราสาทแห่งนี้ที่มีชื่อว่า..."เมืองบุรีรัมย์"
ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการติดตามหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
ป.ล. 2 ภาพไหนที่มีการปั่นจักรยานไปด้วยถ่ายรูปไปด้วยผมจะเขียนใต้ภาพ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการขี่ เอ๊ย...การชมครับ ^^
ป.ล. 3 คงต้องอ้อนขอแรงเชียร์หน่อยครับเดี๋ยวนี้กระทู้ตกไวจริง ๆ ทำรีวิวไปก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไป กลัวไม่มีคนได้อ่านกัน ยังไงถูกใจ ชอบใจรีวิว ขอเป็นกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ โดยกด + ที่มุมซ้ายด้านล่างนะครับ
สำหรับการแบกเป้เที่ยวของผม กระแสที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบในรีวิวแบกเป้เที่ยวของผม ผมจึงได้รวบรวม กลัวใครตกหล่นอันไหนไปยังไม่ได้อ่าน หรือจะนำข้อมูลไปใช้ในการเดินทางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
^^
[Neju's Travel #7/2014] ++ ไม่มีรถ ไม่มีมอเตอร์ไซค์ แต่มี "หัวใจกับจักรยาน" เราก็เที่ยวได้...บุรีรัมย์ ++
http://pantip.com/topic/32292774
[Neju's Travel #6.2/2014] ++ The Dream Way - แบกเป้เที่ยว เปิดตำนานล่าฝันกับเส้นทางความฝัน Snow Wall / ชิราคาวาโกะ ++
http://pantip.com/topic/32177499
[Neju's Travel #6/2014] ++ Let’s go South – "หลงเสน่ห์เมืองพังงา" วิถีชีวิตที่เดินอย่างช้าๆ บนเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ ++
http://pantip.com/topic/32147366
[Neju's Travel #5/2014] ++ ปั่น 2 ล้อแลโลกอารยธรรม - ขอมโบราณหลังม่านการเมืองกัมพูชา "Cambodia Artis" ++
http://pantip.com/topic/32078871
[Neju's Travel #4/2014] ++ แบกเป้เที่ยว ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ "มนต์เสน่ห์พม่า ศรัทธาแห่งพุทธมิเสื่อมคลาย" ++
http://pantip.com/topic/31886778
[Neju’s Travel #3/2014] ++ "White Winter in Tokyo" สัมผัสโตเกียวในสายลมหนาว–ย้อนวัยเด็กอีกครั้งที่อังปังแมนมิวเซียม ++
http://pantip.com/topic/31802867
[Neju's Travel #2/2014] ++ "เฟิ่งหวง จางเจียเจี้ย หุบเขาอวตาร ยามหิมะขาวโพลน" อีกหนึ่งประสบการณ์แบกเป้ที่ได้สัมผัส ++
http://pantip.com/topic/31709657
หรือจะเข้าไปดูหน้ารวมในรีวิวของ Pantip ทั้งหมดได้ที่ http://pantip.com/profile/629836
1. บุรีรัมย์ ตำน้ำกิน
ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำนี้ ผมงงกับความหมาย ทำไมบุรีรัมย์ต้องตำน้ำกิน และตำน้ำกินคืออะไร ? ปัจจุบันหาวิธีการของคำว่า ตำน้ำกินไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ถ้าใครอยากเห็นภาพจะมีภาพปูนติดอยู่ด้านหน้าศาลากลางเก่าในตัวเมืองบุรีรัมย์ สามารถไปหาชมได้ครับ
"บุรีรัมย์ตำน้ำกิน" เป็นคำพังเพยในอดีตที่แสดงถึงภาวะการขาดแคลนน้ำในบริเวณพื้นที่อันเป็นเขตการปกครองของจังหวัดบุรีรัมย์ในอดีต และแสดงถึงความเฉลียวฉลาดของชาวบุรีรัมย์สมัยก่อนที่นำความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติมาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำกรรมวิธีที่ได้ชื่อว่าเป็นการตำน้ำกิน คือ การขุดหลุมดินขนาดย่อมขึ้นก่อน แล้วตักเอาโคลนตมในบ่อ สระ หรือบึงมาใส่หลุมที่ขุดไว้แล้วย่ำด้วยเท้าจนเป็นเลน หรือนำมาใส่ครุไม้ไผ่ยาชัน แล้วตำด้วยไม้ให้โคนเลนมีความหนาแน่นสูงขึ้น ปล่อยทิ้งไว้ให้ตกตะกอนน้ำจากโคลนเลนจะปรากฏเป็นน้ำใสอยู่ข้างบนสามารถตักไปใช้บริโภคได้ เป็นแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอันเป็นปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไปได้
ปัจจุบันภาวะเรื่องน้ำของจังหวัดบุรีรัมย์ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก กรมชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นและสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทก็ได้ปิดกั้นทำนบ เหมืองฝาย และขุดลอก ห้วย หนอง คลอง บึง สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก สร้างสระน้ำมาตรฐานขึ้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานอื่นสร้างถังเก็บน้ำฝน สระน้ำ บ่อน้ำตื้นบ่อบาดาล หอถังจ่ายน้ำโดยสร้างเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ความหมายและภาพพจน์ของคำพังเพยดังกล่าวได้หมดไปแล้วในปัจจุบัน
อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เป็นหนึ่งในอ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยในเรื่องของการขาดแคลนน้ำในอดีตอยู่ทางไปวนอุทยานเขากระโดง ชื่อห้วยจระเข้มากเพราะเมื่อก่อนมีจระเข้มากมายแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วครับเป็นเพียงแค่ตำนาน
สถานที่นี้เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานเป็นอย่างมาก บรรยากาศร่มรื่น มีเส้นทางให้สำหรับนักปั่นจักรยานได้ขี่มาชมความสวยงาม สูดความสดชื่นอันเป็นธรรมชาติกลับไป
ขี่จักรยานลัดเลาะไปตามสวน ตามแอ่ง ตามถนน ^^
สถานที่นี้ยังมีฝูงนกให้ชมกัน อย่าตกใจไปที่ผมเรียกว่าฝูงนกแต่เห็นมีอยู่แค่ตัวเดียว พอเดินเข้าไปจะถ่ายรูปนกก็บินหนีไปหมดแล้วครับ
ไม่ได้มีแค่ธรรมชาติอันสมบูรณ์ แต่สถานที่แห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของบุรีรัมย์เลยก็ว่าได้
หากมีโอกาสได้มาที่บุรีรัมย์อย่าลืมแวะมาพักผ่อนชิล ๆ ที่ห้วยจระเข้มากแห่งนี้กันนะครับ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนชื่อ แต่กลับให้ความสุขความผ่อนคลายกลับไป
2. คลองละลม คูเมืองโบราณบุรีรัมย์
คลองละลม หรือคูเมืองโบราณบุรีรัมย์ มีอายุกว่า 2,000 ปี มีทั้งหมด 6 คู หรือที่เรียกกันว่า 6 ลูก มีประวัติความเป็นมายาวนานในการจัดตั้งเมืองบุรีรัมย์ โดยมีการขุดคูเมืองหรือกำแพงเมือง (คลองละลม) ล้อมรอบลักษณะเป็นรูปวงรีปัจจุบันตั้งอยู่กลางเมืองบุรีรัมย์ มีความกว้างเฉลี่ย 80 เมตร ยาวประมาณ 5,000 เมตร สภาพปัจจุบันแบ่งเป็น 6 ส่วน หรือ 6 คู ตามแนวถนนที่ตัดเข้าเมืองชั้นใน แต่บางส่วนได้ถูกทับถมสำหรับก่อ สร้างอาคารพาณิชย์ บ้านเรือนราษฎร และถนนไปแล้ว
ซึ่งทางสำนักงานเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของโบราณสถานดังกล่าวจึงได้เร่งพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ "คลองละลม" ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสถานที่พักผ่อนสวนสุขภาพของจังหวัดบุรีรัมย์
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น สถานที่นี้เหมาะสำหรับการมาออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน วิ่ง หรือจะใช้บริการนวดผ่อนคลายบริเวณรอบ ๆ สวนสาธารณะคูเมืองแห่งนี้
3. ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์
ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์แห่งนี้เป็นศาลใหม่ ที่สร้างขึ้นใช้แทนศาลเดิมในปี 2512 ที่มีขนาดเล็ก คับแคบ และทรุดโทรมผ่านวันเวลามานานกว่า 30 ปีแล้ว ระหว่างปี 2548-2550 จังหวัดจึงดำเนินการสร้างศาลขึ้นใหม่เพื่อประดิษฐานพระหลักเมืองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์ต่างเคารพศรัทธาและยึดเหนี่ยว
สถาปัตยกรรมที่เห็นนี้เป็นรูปแบบศิลปะขอมประยุกต์ ที่รับอิทธิพลมาจากยุครุ่งเรืองในสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 มองจากด้านนอกมียอดองค์ปรางค์ 5 ชั้น และเทพประจำทิศเพื่อคุ้มภัยรักษาทิศต่าง ๆ เอาไว้ ตามคติความเชื่อสำหรับหลักเมืองนั้นประดิษฐานอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลางองค์ปรางค์ แทนที่ตั้งเดิมของศิวลึงค์
รูปแบบศิลปะขอมประยุกต์ มีให้เห็นทั้งด้านในและด้านนอกของศาลหลักเมืองแห่งนี้
ศาลปึงเถ่ากงม่า ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับศาลหลักเมือง ลักษณะเป็นศาลเจ้าจีน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าแบบจีน ได้แก่ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอูและเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยหรือที่เรียกกันว่าเทพเจ้าทรัพย์สินเงินทอง
สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ด้านหลังศาลพระหลักเมืองบุรีรัมย์ ในบริเวณวัดกลางเดิมเรียกว่า "สระสิงห์โต" ในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อคราเจ้าพระยาจักรี (ซึ่งต่อมาได้เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)ยกทัพมาตีเมืองจำปาศักดิ์ ทรงได้พักทัพที่บริเวณสระน้ำแห่งนี้ ในอดีตชาวเมืองอาศัยน้ำจากสระน้ำสำหรับดื่ม กินและใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยนำน้ำในสระไปทำพิธี ดื่ม กิน ในพระอุโบสถหลังเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งพระอุโบสถในปัจจุบัน
และเมื่อคราวที่ทางราชการได้จัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันก็ได้อัญเชิญน้ำในสระแห่งนี้เพื่อทูลเกล้าถวายร่วมในพระราชพิธีดังกล่าวด้วย
4. วัดกลาง บุรีรัมย์
เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์มาแต่โบราณ มีประวัติเล่าว่าสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไปปราบเจ้าเมืองนางรองซึ่งเป็นกบฏ และได้หยุดพักทัพที่บริเวณนี้ ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดกลางบุรีรัมย์และทางราชการได้มีประกาศยกวัดกลางบุรีรัมย์ เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2533
วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ ถ้าได้มาที่ศาลหลักเมืองแล้วอย่าลืมแวะมาวัดกลางด้วยนะครับ
ช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงก่อนเข้าพรรษา บรรยากาศข้างในวัดจะมีการหล่อเทียนเพื่อส่งเข้าประกวด
แต่ละปีรูปแบบของเทียนพรรษาที่ส่งเข้าประกวดจะแตกต่างออกไป แต่จากที่ได้สอบถามธีมจะไม่พ้นโครงเรื่องประวัติทางพระพุทธศาสนา
ลายมีความประณีตอยู่มาก กว่าจะออกมาเป็นเทียนพรรษาที่เราได้เห็นในโทรทัศน์ที่สวยงามนั้น ล้วนเกิดจากการร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของคนในท้องที่แทบทั้งสิ้น สวยงามมากครับ
5. อุทยานประวัติศาสตร์ ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทพนมรุ้ง ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในท้องที่ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นโบราณสถานศิลปะลพบุรีที่มีความงดงามและมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย เขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะและยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาลอีกด้วย กลุ่มอาคารบนยอดเขามีการก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18
ชื่อ "พนมรุ้ง" มาจากภาษาเขมรว่า "วนํรุง" แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่ โดยคำนี้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกอักษรขอมพบที่ปราสาทพนมรุ้ง และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ "นเรนทราทิตย์" เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระผู้เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด อันเลืองชื่อของประเทศกัมพูชา
กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์ปราสาทพนมรุ้ง โดยประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทพนมรุ้ง และได้ดำเนินการบูรณะปราสาทระหว่าง พ.ศ. 2514-2531
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราคุ้นหูมาตั้งแต่เด็ก จนได้มีผู้แต่งเพลงนี้ขึ้นมา
ภาพสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่ทับหลังของมณฑปด้านทิศตะวันออกปราสาทประธาน เป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพระยาอนันตนาคราช ซึ่งทอดตัวอยู่เหนือมังกรอีกต่อหนึ่งท่ามกลางเกษียรสมุทรมีก้านดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภีของพระองค์มีพระพรหมประอยู่เหนือดอกบัวนั้น
การบรรทมสินธุ์ของพระนารายณ์นั้น คือ การบรรทมในช่วงการสร้างโลก การบรรทมแต่ละครั้งนั้นจะเกี่ยวกับยุคเวลาในแต่ละกัลป์ ภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ปราสาทพนมรุ้งนี้ คงได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์วราหปุราณะเป็นคัมภีร์ที่ให้ความสำคัญแก่ พระนารายณ์เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่พระนารายณ์กำลังบรรทมอยู่นั้นได้ทรงสุบินขึ้นจากพระนาภี บนดอกบัวได้บังเกิดพระพรหม และพระพรหมทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ
ต้องบอกก่อนว่าสถานที่นี้ผมไม่ได้ปั่นจักรยานมา เนื่องจากอยู่ไกลจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง (ผมปั่นไม่ไหวจริง ๆ ><) แต่ด้วยการที่ผมมีรุ่นน้องเป็นคนบุรีรัมย์ เค้าอาสาพามาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ เพราะหลาย ๆ คนบอกว่ามาบุรีรัมย์ ถ้าไม่ได้มาปราสาทพนมรุ้งเหมือนมาไม่ถึง
จบแล้วครับกับ 5 ตำนานบุรีรัมย์ที่ผมยกมาเล่าให้ฟัง แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งปิดกระทู้ไปไหน ผมอยากขอบอกถึงแหล่งที่มาของประวัติต่าง ๆ ที่ผมได้ไปศึกษาหาข้อมูลในครั้งนี้ ^^
ห้องสมุดการรถไฟบุรีรัมย์
ห้องสมุดนี้เปิดให้บริการทุกวัน หยุดเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่ 08.00-16.00 น.
ห้องสมุดนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ มีไว้สำหรับให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้บริการหาความรู้ อ่านหนังสือหรือระหว่างรอรถไฟเข้าชานชาลา ก็สามารถมาใช้บริการห้องสมุดแห่งนี้ได้ครับ
ที่นี่มีความสงบ สะอาด มีหนังสือมากมายหลายประเภท มีการออกแบบเป็นตู้โบกี้โดยสารรถไฟ มาต่อกันเป็นรูปตัว U ถ้าใครได้มาที่นี่อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมได้นะครับ
ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้
ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ถนนจิระ เป็นสถานที่รวบรวมจัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัตถุอันมีค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจและเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัย เปิดทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 08.30-16.30 น.
นิทรรศการที่จัดแสดงมีหลากหลายหัวข้อ อาทิ แหล่งที่ตั้งชุมชนโบราณของจังหวัดบุรีรัมย์ประวัติศาสตร์จังหวัดบุรีรัมย์ช้างกับส่วย ศาสนาและความเชื่อ ผ้าและวิถีชีวิต ห้องเตาเผาและเครื่องเคลือบบุรีรัมย์ และวิถีชีวิตชาวบุรีรัมย์ เช่น ลักษณะภายในครัวเรือนเครื่องมือในการทำมาหากิน และเครื่องดนตรีอีสาน เป็นต้น
เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี แสดงถึงการดำเนินชีวิตของผู้คนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์และบริเวณภาคอีสานตอนใต้ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ การเกิดภูเขาไฟในจังหวัดบุรีรัมย์ การจำลองเตาเผาและเครื่องเคลือบดินเผาโบราณเครื่องสำริดโบราณ มีการจัดนิทรรศการกลางแจ้ง เช่น การจำลองชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมเขมรโบราณ เป็นต้น
รวมไปถึงจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาในอดีตต่าง ๆ มีให้พบเห็นบริเวณด้านบนภายในศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้แห่งนี้
เป็นไงบ้างครับกับ 5 ตำนานเมืองบุรีรัมย์ ที่ผมยกตัวอย่างมาเล่าขานให้ฟัง อาจจะอ่านแล้วง่วงนอนไปหน่อย
>< แต่ผมว่าเพราะประวัติและที่มาเหล่านี้ จึงทำให้เกิดปัจจุบันที่ได้พบเจอ
ต้องขอขอบคุณโรงแรม Klim Hotel ที่ให้ยืมจักรยาน 3 คัน ทั้ง 3 วัน ที่ผมได้พักที่นี่ ขอบคุณเพื่อน ๆ ของผมที่ไปปั่นจักรยาน ตากแดดบ้าง ตากลมบ้าง เหนื่อยบ้าง ชิลบ้าง และปั่นไปด้วยกันกับผม ขอบคุณรุ่นน้องผู้ใจดีที่พาไปเที่ยวปราสาทหินพนมรุ้ง
ขอบคุณคนบุรีรัมย์ทุก ๆ คน ที่คอยช่วยเหลือในยามที่พวกผมหลงทาง ผู้คนที่นี่มีจิตใจดีทุกคนเลยครับ ขอบคุณบุรีรัมย์ ที่ทำให้ผมได้รู้ว่าเมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองทางผ่านสู่ดินแดนอีสานใต้อีกต่อไป
ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง Message Pantip หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณที่ตามอ่านกระทู้รีวิวปั่นจักรยานเที่ยวบุรีรัมย์ในตอนแรก และ 5 ตำนานเมืองบุรีรัมย์ในตอนนี้จนจบ
"Legend of Buriram"
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพในทริปนี้
Nikon D600
Lens : Tamron 17-50 f/2.8 , Nikkor 10-24 , Tamron 70-300 VC
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น